หัวใจหลักของเศรษฐกิจประเทศไทยนั้นขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่หนาแน่นของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท บริษัทลักษณะดังกล่าวมีจำนวนมากกว่า 3 ล้านแห่ง คิดเป็นประมาณ 35% ของ GDP ของประเทศ และมีการจ้างงานสูงกว่า 70% ของแรงงานรวม โดยปกติแล้วธุรกิจ SME ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญของธนาคารซึ่งสร้างรายได้เกือบ 4 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ SME ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงนวัตกรรมและความสามารถในการปรับตัวหลังจากเกิดโรคระบาด โดยออนไลน์กลายเป็นช่องทางการขายหลักสำหรับ 1 ใน 4 ของกิจการทั้งหมด และสามารถเพิ่มขึ้นได้มากถึง 75% ภายในปี 2026 จากการสำรวจของ McKinsey เกี่ยวกับ SME ไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งใช้แพลตฟอร์มของบุคคลที่สามในการขาย และมากกว่า 70% มีการนำเสนอผ่านหลายช่องทาง
กล่าวโดยสรุปคือ SME ไทยกำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่การดำเนินงานแบบดิจิทัลและหลายช่องทางอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนแปลงความต้องการที่ธุรกิจมีต่อธนาคาร แต่ธนาคารส่วนใหญ่นั้นตอบสนองได้ช้า แม้ว่าการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบจะเป็นเรื่องยากสำหรับ SME มาตลอด แต่ในปัจจุบันนี้ยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น โดยมากกว่า 50% ของ SME ในยุคดิจิทัล ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่ต้องพึ่งพาเว็บ เช่น ผู้ค้าอีคอมเมิร์ซและผู้ให้บริการอาหารออนไลน์ ต่างประสบปัญหาในการเข้าถึงสินเชื่อที่เพียงพอ เนื่องจากมักมีประวัติผลการดำเนินงานทางธุรกิจที่จำกัดและมีวงจรเงินทุนหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 30%
แม้แต่ธุรกิจ SME ด้านดิจิทัลก็ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการธนาคารรูปแบบใหม่หรือความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองในสถานการณ์ที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วนี้ พวกเขาต้องการระบบชำระเงินแบบหลายช่องทาง การเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม (หน้าร้าน เว็บไซต์ของตัวเอง หรือแพลตฟอร์มของบุคคลที่สาม) และการรับเงินจากแพลตฟอร์มของบุคคลที่สามที่รวดเร็ว รวมถึงการวิเคราะห์ธุรกิจที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ปัญหาเดิม ๆ ที่ SME มีกับธนาคารก็ยังคงมีอยู่ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของ SME ที่ถูกสำรวจกล่าวว่าธนาคารใช้เวลาในการดำเนินการสินเชื่อนานกว่าที่คาดไว้ถึงสองเท่า และมากกว่า 40% บ่นเรื่องเอกสารที่ยุ่งยาก รวมถึงข้อกำหนดด้านหลักประกันและอัตราดอกเบี้ยที่สูง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมกิจการจำนวนครึ่งหนึ่งจึงเลือกกู้ยิมเงินจากธนาคารที่ไม่ใช่ธนาคารหลัก และทำไมมากกว่า 2 ใน 3 จึงต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ
สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นจริงแต่กลับกันก็เป็นโอกาสสำหรับธนาคารเองเช่นกัน การจัดการกับปัญหาดังกล่าวอาจทำให้มีการเติบโตได้ถึง 7% ต่อปี ในกลุ่มธนาคาร SME ของไทย ซึ่งจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้สำหรับภาคการธนาคารโดยรวมที่ 4-5%
ในการทำเช่นนั้นธนาคารจำเป็นต้องทำ 4 สิ่งให้ถูกต้อง